th56.pdf)ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยมไว้ดังนี้...
กลุ่มมนุษยนิยมจะคำนึงถึงความเป็นคนของบุคคล คุณค่าของคนเป็นหลัก โดยจะมองธรรมชาติของมนุษย์
ในลักษณะที่ว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มนุษย์เป็นผู้ที่มีอิสระสามารถที่จะนำตนเอง
และ พึ่งตนเองได้ เป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำประโยชน์ให้สังคม มีอิสระเสรีภาพที่จะเลือกทำสิ่งต่างๆที่จะไม่ทำ
ให้ผู้ใดเดือดร้อน ซึ่งรวมทั้งตนเองด้วย มนุษย์เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบและเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม
นักวิจัยกลุ่มมนุษยนิยมกลุ่มนี้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาคือ Maslow,
Rogers, Combs
1. ทฤษฎีความต้องการของมนุษย์ของ
Maslow (Abraham Harold Maslow: 1908-1970)
มาสโลว์นักจิตวิทยาชาวอเมริกันเชื้อสายยิว
เกิดที่เมือง Brooklyn รัฐ New York ประเทศสหรัฐอเมริการ ส าเร็จการศึกษาทางด้านจิตวิทยาสาขาพฤติกรรมนิยม เป็นนักจิตวิเคราะห์
และมีความสนใจทางด้านมนุษยวิทยา มาสโลว์เป็นผู้ที่มองว่าธรรมชาติแล้วมนุษย์เกิดมาดี
และพร้อมที่จะท าสิ่งดี ถ้าความต้องการพื้นฐานได้รับการ ตอบสนองอย่างเพียงพอ เป็นผู้ที่มองว่าความดีที่อยู่ในตัวมนุษย์เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่ก
าเนิด การเรียนรู้หรือการแสดง พฤติกรรมเกิดจากแรงผลักดันภายในตัวบุคคล เด็กมีธรรมชาติพร้อมที่จะศึกษาส
ารวจสิ่งต่างๆ และมนุษย์ทุกคนมี แรงภายในที่จะไปถึงสภาพการณ์ที่เรียกว่า
"การรู้จักตนเองตรงตามสภาพที่เป็นจริง (self
actualization)" หรือความ ต้องการที่จะตระหนักในความสามารถของตนเอง
ซึ่งหมายถึงความสามารถที่จะเข้าใจตนเอง ยอมรับตนเองทั้งใน ส่วนบกพร่องและส่วนดี รู้ทั้งจุดอ่อนและตระหนักในความสามารถของตนเอง
พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ที่มีต่อตนเอง มาสโลว์ได้กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการและจะสนองความต้องการให้กับตนเองทั้งสิ้น
ซึ่ง ความต้องการเรียงจากความต้องการขั้นต่ าสุดขึ้นไปหาความต้องการขั้นสูงสุดดังนี้
1)ความต้องการทางด้านร่างกาย
2)ความต้องการความปลอดภัย
3)ความต้องการความรักและเป็นเจ้าของ
4)ความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับและ ได้รับการยกย่อง
5)ความต้องการที่จะตระหนักในความสามารถของตนเองหรือรู้จักตนเอง
6)ความต้องการที่จะรู้และที่จะเข้าใจ
7)ความต้องการทางด้านสุนทรียะ โดยมาสโลว์ได้อธิบายว่า เมื่อความต้องการในขั้นหนึ่งที่ต่ำกว่า ได้รับการตอบสนอง มนุษย์ก็จะมีความต้องการในขั้นต่อไป ซึ่งความต้องการที่ได้รับการตอบสนองในแต่ละขั้นนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนจึงจะมีความต้องการในขั้นต่อไปที่สูงขึ้น
1)ความต้องการทางด้านร่างกาย
2)ความต้องการความปลอดภัย
3)ความต้องการความรักและเป็นเจ้าของ
4)ความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับและ ได้รับการยกย่อง
5)ความต้องการที่จะตระหนักในความสามารถของตนเองหรือรู้จักตนเอง
6)ความต้องการที่จะรู้และที่จะเข้าใจ
7)ความต้องการทางด้านสุนทรียะ โดยมาสโลว์ได้อธิบายว่า เมื่อความต้องการในขั้นหนึ่งที่ต่ำกว่า ได้รับการตอบสนอง มนุษย์ก็จะมีความต้องการในขั้นต่อไป ซึ่งความต้องการที่ได้รับการตอบสนองในแต่ละขั้นนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนจึงจะมีความต้องการในขั้นต่อไปที่สูงขึ้น
นอกจากนั้น มาสโลว์ได้แบ่งความต้องการทั้ง
7 ขั้น ออกเป็น 2 กลุ่มคือ
กลุ่มที่ 1 (ความต้องการขั้นที่ 1- 4) เรียกว่า "ความต้องการขั้นต่ า" หรือความต้องการเนื่องจากการขาดหรือไม่มี ซึ่งเป็นการตอบสนองจากปัจจัย ภายนอก
ส่วนกลุ่มที่ 2 (ความต้องการขั้นที่ 5-7) เรียกว่า "ความต้องการขั้นสูง" หรือความต้องการพัฒนา เป็น ความต้องการเนื่องมาจากการแสวงหา มิใช่เนื่องมาจากการขาดหรือการไม่มี หากความต้องการขั้นต่ าได้รับการ ตอบสนองอย่างเพียงพอ มนุษย์จะพัฒนาขึ้นมาถึงความต้องการในขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นความต้องการที่จะรู้จักตนเองตรง ตามสภาพ เป็นความต้องการของผู้ที่จะพัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นคนที่สามรรถใช้ความสามารถที่ตนเองมีอยู่ได้อย่าง เต็มสมบูรณ์ จะเป็นผู้ที่ค านึงถึงตัวปัญหามากกว่าตัวบุคคล เป็นผู้ที่คำนึงถึงบุคคลอื่น ทั้งนี้เพราะตนเองได้รับการ สนองความต้องการขั้นต่ าอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งเป็นผู้ที่มองเห็นศักดิ์ศรีและคุณค่าในตนเอง ตลอดจนมีความนับถือใน ตนเองซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ความดีที่ติดตัวมาแต่ก าเนิดจะปรากฏออกมา ตามแนวคิดของมาสโลว์ มนุษย์พร้อมที่จะใช้ ความสามารถที่มีอยู่ในตนเองท าประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างเต็มที่
กลุ่มที่ 1 (ความต้องการขั้นที่ 1- 4) เรียกว่า "ความต้องการขั้นต่ า" หรือความต้องการเนื่องจากการขาดหรือไม่มี ซึ่งเป็นการตอบสนองจากปัจจัย ภายนอก
ส่วนกลุ่มที่ 2 (ความต้องการขั้นที่ 5-7) เรียกว่า "ความต้องการขั้นสูง" หรือความต้องการพัฒนา เป็น ความต้องการเนื่องมาจากการแสวงหา มิใช่เนื่องมาจากการขาดหรือการไม่มี หากความต้องการขั้นต่ าได้รับการ ตอบสนองอย่างเพียงพอ มนุษย์จะพัฒนาขึ้นมาถึงความต้องการในขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นความต้องการที่จะรู้จักตนเองตรง ตามสภาพ เป็นความต้องการของผู้ที่จะพัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นคนที่สามรรถใช้ความสามารถที่ตนเองมีอยู่ได้อย่าง เต็มสมบูรณ์ จะเป็นผู้ที่ค านึงถึงตัวปัญหามากกว่าตัวบุคคล เป็นผู้ที่คำนึงถึงบุคคลอื่น ทั้งนี้เพราะตนเองได้รับการ สนองความต้องการขั้นต่ าอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งเป็นผู้ที่มองเห็นศักดิ์ศรีและคุณค่าในตนเอง ตลอดจนมีความนับถือใน ตนเองซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ความดีที่ติดตัวมาแต่ก าเนิดจะปรากฏออกมา ตามแนวคิดของมาสโลว์ มนุษย์พร้อมที่จะใช้ ความสามารถที่มีอยู่ในตนเองท าประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างเต็มที่
2. ทฤษฎี client
centered ของโรเจอร์ (Carl Rogers: 1902-1987)
โรเจอร์นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เกิดที่เมือง
Oak Park รัฐ Illinois ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ
ปี ค.ศ. 1902 ได้เสนอทฤษฎี
client centered ซึ่งเน้นความส าคัญของผู้ที่มีปัญหาที่มาปรึกษา ให้ความเป็นอิสระโดยพยายาม
แนะน าให้ผู้รับค าปรึกษาพยายามควบคุมพฤติกรรมของตนเองมากกว่าชี้ประเด็นของความผิดพลาด
เทคนิคที่โร เจอร์ใช้ในการให้ค าปรึกษาคือ การสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ให้การยอมรับเด็ก
และมีทัศนคติที่ดีต่อผู้มารับค า ปรึกษา ซึ่งสามารถท าให้ผู้มารับค าปรึกษายอมรับตนเอง
และรู้จักตนเอง เมื่อมนุษย์ได้รับการพัฒนาคุณภาพได้ถึง ระดับหนึ่ง ก็จะมีแนวโน้มที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น ต่อมาโร เจอร์ได้สรุปว่า ทฤษฎี
client centered สามารถน ามาประยุกต์ใช้ในด้านการเรียนการสอน โดยเน้นจัดการเรียนการ
สอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง พัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพของตนเอง ครผู้สอนจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชื่อ
มี ศรัทธาในความเป็นคนของผู้เรียน การที่มีความเชื่อและไว้วางใจในความสามารถของบุคคล
จะช่วยให้บุคคลนั้นๆ พัฒนาศักยภาพของตนเอง ดังนั้น การจัดการเรียนการสอนควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกวิธีการที่จะเรียนเอง
ให้ เกียรติผู้เรียนทั้งในแง่ความรู้สึกนึกคิด โรเจอร์ชี้ให้เห็นว่าการสอนโดยใช้ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
จะคล้ายคลึงกับ ผู้มา รับค าปรึกษาเป็นศูนย์กลาง เพราะช่วยให้ผู้เรียนรู้จักช่วยตนเองในเรื่องการเรียน
โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจาก ครผู้สอน เป็นต้น
3. ทฤษฎีการพัฒนาตนเอง ของ
คอมบ์ส (Arthur W. Combs ค.ศ.1912-1999)
คอมบ์สเป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เกิดเมื่อ
ปี ค.ศ.1912 มีความเชื่อว่า "พฤติกรรมส่วนใหญ่ของบุคคล
เป็นผลมาจากการรับรู้สิ่งแวดล้อมในช่วงนั้นและเวลานั้น" ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับเรื่อง "life space" ของเลวิน จาก แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้สอนควรจะต้องพยายามเข้าใจสภาพการเรียนการสอน
โดยการท าความเข้าใจว่าผู้เรียนมองสิ่ง ต่างๆอย่างไร จากจุดนี้น าไปสู่ข้อสรุปว่า ในการช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนนั้นจะต้องชักจูงให้ผู้เรียนปรับทั้งความเชื่อและ
การรับรู้ของผู้เรียนจนกระทั่งสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆต่างไปจากเดิม และแสดงพฤติกรรมที่ต่างไปจากเดิม
ความคิดของคอมบ์ส บางส่วนคล้ายกับบรูนเนอร์ ในกลุ่ม cognitive แต่จะเน้นในด้านการรับรู้ของผู้เรียนมากกว่า การคิดและการให้เหตุผลดังเช่นคนอื่นๆ
นอกจากนั้น คอมบ์ส มีความเชื่อว่า การที่บุคคลรับรู้เกี่ยวกับตนเองเป็นสิ่ง ส าคัญ
ซึ่งน าไปสู่หลักการส าคัญในการจัดการเรียนการสอน คือการช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับ
ตนเองในแง่บวก ทั้งมาสโลว์และคอมบ์สต่างก็เน้นว่ามนุษย์นั้นมีลักษณะของการพึ่งตนเอง
ท าอะไรด้วยตนเอง แต่ มาสโลว์เน้นที่แรงจูงใจภายในเป็นตัวกระตุ้นให้มนุษย์แสดงพฤติกรรมตามล
าดับขั้นของความต้องการ ส่วนคอมบ์สอธิบายว่าการแสดงพฤติกรรมของบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อความเพียงพอ
ซึ่งหมายความว่าความต้องการพื้นฐานของ มนุษย์คือความเพียงพอนั้น จะเป็นตัวกระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรม
หากเป็นเช่นนั้นแสดงว่า ผู้เรียนต้องการ ความเพียงพอเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกสถานการณ์
ดังนั้นบทบาทของผู้สอนจะต่างจากแนวความคิดของกลุ่ม พฤติกรรมนิยมกลุ่ม S-R ที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เรียนได้ด้วยการใช้การเสริมแรง คอมบ์สได้ให้แนวคิดว่า
งานของครูผู้สอนมิใช่เป็นเพียงการตั้งข้อก าหนด การปั้นเด็ก การขู่บังคับ การเยินยอ
หรือการช่วยเหลือเด็ก แต่งาน ของครูผู้สอนควรเป็นไปในลักษณะผู้อ านวยความสะดวกให้กับผู้เรียน
กระตุ้น ให้ก าลังใจ ให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ สามาถท ากิจกรรม เป็นผู้ร่วมคิด และเป็นเพื่อนกับผู้เรียน" จากความเชื่อของคอมบ์สดังกล่าว จึงเสนอลักษณะที่ดี
ของผู้สอนไว้ดังนี้
1)เป็นผู้ที่มีความรู้
2)เป็นเพื่อร่วมงานกับผู้เรียน 3)มีความศรัทธาและเชื่อว่าผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถที่จะเรียนรู้ได้
4)เป็นผู้ที่มีความคิดในเชิงบวกกับตนเองซึ่งจะนำไปสู่ความรู้สึกนึกคิดในเชิงบวกกับผู้อื่น 5)มีความเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้เรียนทุกคนให้ทำดีที่สุดเท่าที่ตัวผู้เรียนจะทำได้
2)เป็นเพื่อร่วมงานกับผู้เรียน 3)มีความศรัทธาและเชื่อว่าผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถที่จะเรียนรู้ได้
4)เป็นผู้ที่มีความคิดในเชิงบวกกับตนเองซึ่งจะนำไปสู่ความรู้สึกนึกคิดในเชิงบวกกับผู้อื่น 5)มีความเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้เรียนทุกคนให้ทำดีที่สุดเท่าที่ตัวผู้เรียนจะทำได้
6)สามารถประยุกต์หลัก ทฤษฏีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
Rattanawutdpu(http://rattanawutdpu.blogspot.com/2011/06/humanism.html)ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยมไว้ดังนี้... ทฤษฎีมนุษย์นิยมมีวิวัฒนาการมาจากทฤษฎีกลุ่มที่เน้นการพัฒนาตามธรรมชาติ แต่จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น คือเป็นกระบวนการมากยิ่งขึ้น
ลักษณะสำคัญ
นักทฤษฎีกลุ่มนีเชื่อว่ามนุษย์มีอิสระที่จะเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ดีจากการสนับสนุน หรือส่งเสริมของครูผู้สอน ผู้นำความคิดที่สำคัญได้แก่ Rogers และ Maslow Rogers ได้พัฒนาแนวคิดแห่งการเรียนรู้ตามทฤษฎีมนุษย์นิยมว่าจะเรียนได้ดีในบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมที่สบาย (Comfortable) ไม่มีการคุกคาม(Threatened)จากองค์ประกอบภายนอก ส่วนครูทำหน้าที่อำนวยความสะดวก (Facilitator)
หลักกการหรือความเชื่อของทฤษฎี คือ
1. มนุษย์มีธรรมชาติแห่งความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
2. มนุษย์มีสิทธิในการต่อต้านหรือไม่พอใจในผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆ แม้สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับว่าจริง
3. การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการที่มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด หรือมโนทัศน์ของตนเอง
Maslow ได้พัฒนาแนวคิดทฤษฎีมนุษย์นิยมจากความเชื่อที่ว่า มนุษย์ไม่ได้ต้องการเรียนรู้เนื่องมาจากสิ่งเร้าภายนอก หรือไม่ได้ต้องการเรียนรู้เนื่องมาจากสัญชาติญาณของจิตไร้สำนึก แต่มนุษย์ต้องการที่เรียนรู้เพื่อก้าวไปสู่การเป็นคนที่สมบูรณ์ (Fully Functioning Person) ซึ่ง Maslow ใช้คำว่า Self-actualizing Person
Maslow ได้พัฒนาแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับลำดับขั้นตอนของความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ขั้นคือ
1. ความต้องการทางกายภาพ (Physiological needs) คือความต้องการในการดำรงชีวิต เช่น ความต้องการอาหาร อากาศ น้ำ และอุณหภูมิ เป็นต้น
2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety Need) คือความต้องการที่จะมีความมั่นคงหรือปลอดภัยในชีวิต
3. ความต้องการความรัก ความชอบ และการเป็นเจ้าของ (Need of Love, Affection and Belongingness)
4.ความต้องการความภาคภูมิใจ (Need for Esteem) คือความต้องการที่จะมีความภาคภูมิใจในตนเองและความภาคภูมิใจที่จะได้รับจากผู้อื่นด้วยการเคารพตนเองและได้รับความเคารพจากผู้อื่น
5. ความต้องการเป็นมนุย์ที่สมบูรณ์ (Need for Self-Actualization) คือความต้องการที่จะเป็น (Be) หรือ ทำ (Do) ในสิ่งที่บุคคลเกิดมาให้สมบูรณ์ หรือไปถึงจุดสูงสุด
ส่วนของ Chapman มีหลักการคล้ายๆ กันกับ Maslow แต่ได้อธิบายเพิ่ม ขึ้นมา คือ
ขั้นที่ 5 ความต้องการทางสติปัญญา (Cognitive Need) คือความต้องการในการเรียนรู้และสามารถในการตีความหมาย
ขั้นที่ 6 ความต้องการทางสุนทรียภาพ (Aesthetic Needs) คือความต้องการความซาบซึ้งใจในความงาน ความสมดุล และความสมบูรณ์แบบ
ขั้นที่ 7 ความต้องการในการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ขั้นที่ 8 ความต้องการในการเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ (Transcendence Needs) คือความต้องการที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้อื่นให้พัฒนาไปถึงขีดสูงสุดและเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
การประยุกต์ใช้
ครูผู้สอน
1. ครูควรเป็นคนใจกว้าง ไม่ยึดติดกับความคิด หรือความเชื่อของตนเอง
2. ครูควรรับฟังผู้เรียนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก
3. ให้ความสำคัญกับผู้เรียนเท่ากับความสำคัญของเนื้อหาที่นำมาสอน
4. ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะทั้งทางบวกและทางลบ
5. กระตุ้นให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง
6. จัดการเรียน กิจกรรม สื่อการเรียนการสอนให้หลากหลาย
7. กระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าใจว่าการประเมินผลที่มีคุณค่า คือการประเมินตนเองของผู้เรียน
การประยุกต์ในการจัดการเรียนรู้
1. ควรจัดการเรียนตามสภาพจริง หรือสภาพที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล
2. ควรจัดการเรียนรู้โดยไม่ยึดติดกับเงื่อนไขหรือข้อจำกัดทางวัฒนธรรมของสังคม
3. ควรจัดการเรียนรู้ตามความต้องการหรือเสียงเรียกของผ้เรียน
4. ควรจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งมีค่า
5. ควรเป็นคนร่าเริงและสนุกสนานในทุกสถานกการณ์
6. ควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากลักษณะภายใน หรือความต้องการของตน
7. ควรใส่ว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของเรียนได้รับการสนองแล้วหรือยัง
8. ควรกระตุ้นให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของความงามและสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิต
9. ควรตระหนักว่าการควบคุมดูแลนักเรียนเป็นสิ่งที่ดี แต่การปล่อยปะละเลยต่อผู้เรียนเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรปฏิบัติ เพราะการควบคุมดูแลผู้เรียนจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้เรียน
10. ควรฝึกให้ผู้เรียนมองข้ามปัญหาเล็กน้อย แต่ควรฝึกให้จริงจังต่อการแก้ปัญหาที่จะนำมาซึ่งความไม่ยุติธรรม ความเจ็บปวด และถึงแก่ชีวิต
11. ควรทำตัวเป็นผู้เลือกที่ดีด้วยการฝึกสร้างทางเลือกอย่างหลากหลาย แล้วนำทางเลือกไปใช้ในการดำรงชีวิต
http://ikquelove.blogspot.com/ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยมไว้ดังนี้...
ทฤษฎีมนุษยนิยมมีวิวัฒนาการมาจากทฤษฎีกลุ่มที่เน้นการพัฒนาตามธรรมชาติ
แต่ก็จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์ คือเป็นกระบวนการมากยิ่งขึ้น กลุ่มทฤษฎีมนุษยนิยม
เป็นทฤษฎีที่คัดค้านการทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์แล้วมาใช้อ้างอิงกับมนุษย์และปฏิเสธที่จะใช้คนเป็นเครื่องทดลองแทนสัตว์
นักทฤษฎีในกลุ่มนี้เห็นว่ามนุษย์มีความคิด มีสมอง อารมณ์และอิสรภาพในการกระทำ
การเรียนการสอนตามแนวทฤษฎีนี้เชื่อว่าผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียน
การจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ทั้งด้านความเข้าใจ
ทักษะและเจตคติไปพร้อม ๆ กันโดยให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม
การแสดงออกตลอดจนการเลือกเรียนตามความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก บรรยากาศในการเรียนเป็นแบบร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขันกันอาจารย์ผู้สอนทำหน้าที่ช่วยเหลือให้กำลังใจและอำนวยความสะดวกในขบวนการเรียนของผู้เรียนโดยการจัดมวลประสบการณ์
เอื้อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
หลักการหรือความเชื่อของทฤษฎี
หลักการหรือความเชื่อของทฤษฎีมนุษย์นิยม
คือ
1.
มนุษย์มีธรรมชาติแห่งความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
2.
มนุษย์มีสิทธิในการต่อต้านหรือไม่พอใจในผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆ
แม้สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับว่าจริง
3.
การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการที่มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด
หรือมโนทัศน์ของตนเอง
ลักษณะสำคัญ
นักทฤษฎีกลุ่มนี้มีความเชื่อว่ามนุษย์มีอิสระที่จะเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ดีจากการสนับสนุน
หรือส่งเสริมของครูผู้สอน ผู้นำความคิดที่สำคัญได้แก่ Rogers และ Maslow ทฤษฏีนี้ เชื่อว่าผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียน
การจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ทั้งด้านความเข้าใจ
ทักษะและเจตคติไปพร้อม ๆ กันโดยให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม
การแสดงออกตลอดจนการเลือกเรียนตามความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก
การประยุกต์ใช้
การประยุกต์ใช้ของทฤษฎีมนุษย์นิยม
ซึ่งครูผู้สอนเป็นผู้นำไปประยุกต์ใช้ มีข้อปฏิบัติสำคัญ ดังนี้
1. ครูควรเป็นคนใจกว้าง
ไม่ยึดติดกับความคิด หรือความเชื่อของตนเอง
2. ครูควรรับฟังผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก
3. ให้ความสำคัญกับผู้เรียนเท่ากับความสำคัญของเนื้อหาที่นำมาสอน
4. ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะทั้งทางบวกและทางลบ
5. กระตุ้นให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง
6. จัดการเรียน กิจกรรม
สื่อการเรียนการสอนให้หลากหลาย
7. กระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าใจว่าการประเมินผลที่มีคุณค่า
คือการประเมินตนเองของผู้เรียน
นักทฤษฎีมนุษย์นิยมและแนวคิด
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยมมีนักปรัชญาหลายหลากท่านที่ศึกษาเกี่ยวกับทฤษฏีนี้ ทฤษฏีและแนวคิดที่สำคัญๆ ในกลุ่มนี้มี 2 ทฤษฏีและ 5 แนวคิด
สุริน ชุมสาย ณ อยุธยา(http://surinx.blogspot.com/) อ้างถึงในทิศนา แขมมณี(2550 : 50 - 76)กล่าวไว้ว่า
“ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม
(Humanism)นักคิดกลุ่มมนุษยนิยม
ให้ความสำคัญของการเป็นมนุษย์ และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า มีความดีงาม มีความสามารถ
มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน
หากบุคคลได้รับอิสรภาพและเสรีภาพ
มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ นักจิตวิทยาคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ
มาสโลว์(Maslow) รอเจอร์ส(Rogers) โคมส์(Knowles) แฟร์(Faire) อิลลิช(illich) และนีล(Neil)”
ทฤษฎีการเรียนรู้ของมาสโลว์
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ
มนุษย์ทุกคนมีความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติเป็นลำดับขั้น
และต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง
ทฤษฎีการเรียนรู้ของรอเจอร์
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ
มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้ดีหากอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระ
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโคมส์
เชื่อว่าความรู้สึกของผู้เรียนมีความสำคัญต่อการเรียนรู้มาก
เพราะความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนมีอิทธิพลต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ กล่าวว่า
“นักคิดกลุ่มมนุษยนิยมให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า
มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน
หากบุคคลมีอิสระภาพและเสรีภาพ
มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์”
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโนลส์
เชื่อว่าผู้เรียนจะเรียนรู้ได้มากหากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้
มีอิสระที่จะเรียนและได้รับการส่งเสริมในการพัฒนาด้วยตนเอง
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของแฟร์
เชื่อว่าผู้เรียนต้องถูกปลดปล่อยจากการกดขี่ของครูที่สอนแบบเก่า
ผู้เรียนมีศักยภาพและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนีล
เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้มีศักดิ์ศรี มีความดีโดยธรรมชาติ
หากมนุษย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น บริบูรณ์ด้วยความรัก
มีอิสรภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและสังคม
บริหารการศึกษา กลุ่มดอนทอง52
(http://dontong52.blogspot.com/ ) กล่าวว่า
“นักคิดกลุ่มมนุษยนิยม
ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่ามีความดีงาม มีความสามารถ
มีความต้องการ นักจิตวิทยาคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ มาสโลว์ รอเจอร์ส โคม โนลส์ แฟร์
อิลลิซ และนีล”
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม
นักจิตวิทยาในกลุ่มนี้มีความเห็นตรงกันว่าเด็กควรได้รับความช่วย
เหลือจากครูในทุกด้านไม่ใช่เฉพาะการได้รับความรู้หรือการมีความเฉลียวฉลาดเพียงอย่างเดียว
แต่ควรได้รับความช่วยเหลือให้รู้จักศึกษาและสำรวจเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก
และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด เจตคติ และจุดมุ่งหมายความต้องการของตนเอง
หรืออาจกล่าวได้ว่านักเรียนควรจะได้รับความช่วยเหลือให้มีความเข้าใจในตนเองและมีจุดยืนเป็นของตนเองอย่างชัดเจนว่าตนเองมีความต้องการสิ่งใดแน่และมีจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างไร
เพราะในปัจจุบันมีสิ่งที่เด็กจะต้องตัดสินใจเลือกมากมาย คนที่มีจุดยืนที่แน่นอนเท่านั้นจึงจะสามารถเลือกสิ่งที่มีความหมายและก่อให้เกิดความพึงพอใจให้กับตนเองให้ดีที่สุด
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม
กลุ่มมนุษยนิยมจะคำนึงถึงความเป็นคนของบุคคล คุณค่าของคนเป็นหลัก โดยจะมองธรรมชาติของมนุษย์ ในลักษณะที่ว่า
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มนุษย์เป็นผู้ที่มีอิสระสามารถที่จะนำตนเอง
และ พึ่งตนเองได้ เป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำประโยชน์ให้สังคม
มีอิสระเสรีภาพที่จะเลือกทำสิ่งต่างๆที่จะไม่ทำ ให้ผู้ใดเดือดร้อน
ซึ่งรวมทั้งตนเองด้วย มนุษย์เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบและเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม
นักวิจัยกลุ่มมนุษยนิยมกลุ่มนี้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาคือ Maslow,
Rogers, Combs
หลักการหรือความเชื่อของทฤษฎี
หลักการหรือความเชื่อของทฤษฎีมนุษย์นิยม
คือ
1. มนุษย์มีธรรมชาติแห่งความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
2. มนุษย์มีสิทธิในการต่อต้านหรือไม่พอใจในผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆ
แม้สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับว่าจริง
3. การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการที่มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด
หรือมโนทัศน์ของตนเอง
ลักษณะสำคัญ
นักทฤษฎีกลุ่มนี้เชื่อว่ามนุษย์มีอิสระที่จะเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ดีจากการสนับสนุน
หรือส่งเสริมของครูผู้สอน ผู้นำความคิดที่สำคัญได้แก่ Rogers และ Maslow Rogers ได้พัฒนาแนวคิดแห่งการเรียนรู้ตามทฤษฎีมนุษย์นิยมว่าจะเรียนได้ดีในบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมที่สบาย
(Comfortable) ไม่มีการคุกคาม(Threatened)จากองค์ประกอบภายนอก ส่วนครูทำหน้าที่อำนวยความสะดวก (Facilitator)
หลักการหรือความเชื่อของทฤษฎี คือ
1. มนุษย์มีธรรมชาติแห่งความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
2. มนุษย์มีสิทธิในการต่อต้านหรือไม่พอใจในผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆ
แม้สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับว่าจริง
3. การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการที่มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด
หรือมโนทัศน์ของตนเอง
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม
1. ทฤษฎีความต้องการของมนุษย์ของ Maslow
(Abraham Harold Maslow: 1908-1970)
มาสโลว์นักจิตวิทยาชาวอเมริกันเชื้อสายยิว เกิดที่เมือง Brooklyn รัฐ New York ประเทศสหรัฐอเมริกา สำเร็จการศึกษาทางด้านจิตวิทยาสาขาพฤติกรรมนิยม
เป็นนักจิตวิเคราะห์ และมีความสนใจทางด้านมนุษยวิทยา
มาสโลว์เป็นผู้ที่มองว่าธรรมชาติแล้วมนุษย์เกิดมาดี และพร้อมที่จะทำสิ่งดี
ถ้าความต้องการพื้นฐานได้รับการ ตอบสนองอย่างเพียงพอ
เป็นผู้ที่มองว่าความดีที่อยู่ในตัวมนุษย์เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
การเรียนรู้หรือการแสดง พฤติกรรมเกิดจากแรงผลักดันภายในตัวบุคคล เด็กมีธรรมชาติพร้อมที่จะศึกษาสำรวจสิ่งต่างๆ
และมนุษย์ทุกคนมี แรงภายในที่จะไปถึงสภาพการณ์ที่เรียกว่า "การรู้จักตนเองตรงตามสภาพที่เป็นจริง (self
actualization)" หรือความ ต้องการที่จะตระหนักในความสามารถของตนเอง
ซึ่งหมายถึงความสามารถที่จะเข้าใจตนเอง ยอมรับตนเองทั้งใน ส่วนบกพร่องและส่วนดี
รู้ทั้งจุดอ่อนและตระหนักในความสามารถของตนเอง
พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ที่มีต่อตนเอง มาสโลว์ได้กล่าวว่า
มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการและจะสนองความต้องการให้กับตนเองทั้งสิ้น ซึ่ง ความต้องการเรียงจากความต้องการขั้นต่ำสุดขึ้นไปหาความต้องการขั้นสูงสุดดังนี้
1. ความต้องการทางกายภาพ (Physiological needs) คือความต้องการในการดำรงชีวิต เช่น ความต้องการอาหาร อากาศ น้ำ
และอุณหภูมิ เป็นต้น
2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety Need) คือความต้องการที่จะมีความมั่นคงหรือปลอดภัยในชีวิต
3. ความต้องการความรัก ความชอบ และการเป็นเจ้าของ (Need of
Love, Affection and Belongingness)
4.ความต้องการความภาคภูมิใจ (Need for Esteem) คือความต้องการที่จะมีความภาคภูมิใจในตนเองและความภาคภูมิใจที่จะได้รับจากผู้อื่นด้วยการเคารพตนเองและได้รับความเคารพจากผู้อื่น
5. ความต้องการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (Need for
Self-Actualization) คือความต้องการที่จะเป็น (Be) หรือ ทำ (Do) ในสิ่งที่บุคคลเกิดมาให้สมบูรณ์
หรือไปถึงจุดสูงสุด
6. ความต้องการทางสติปัญญา (Cognitive Need) คือความต้องการในการเรียนรู้และสามารถในการตีความหมาย
7. ความต้องการทางสุนทรียภาพ (Aesthetic Needs) คือความต้องการความซาบซึ้งใจในความงาน ความสมดุล และความสมบูรณ์แบบ
8. ความต้องการในการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
9. ความต้องการในการเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ (Transcendence
Needs) คือความต้องการที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้อื่นให้พัฒนาไปถึงขีดสูงสุดและเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
โดยมาสโลว์ได้อธิบายว่า เมื่อความต้องการในขั้นหนึ่งที่ต่ำกว่า
ได้รับการตอบสนอง มนุษย์ก็จะมีความต้องการในขั้นต่อไป ซึ่งความต้องการที่ได้รับการตอบสนองในแต่ละขั้นนั้นไม่
จำเป็นต้องได้รับเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนจึงจะมีความต้องการในขั้นต่อไปที่สูงขึ้น
นอกจากนั้น
มาสโลว์ได้แบ่งความต้องการทั้ง 7 ขั้น
ออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 (ความต้องการขั้นที่ 1- 4) เรียกว่า "ความต้องการขั้นต่ำ" หรือความต้องการเนื่องจากการขาดหรือไม่มี
ซึ่งเป็นการตอบสนองจากปัจจัย ภายนอก ส่วนกลุ่มที่ 2 (ความต้องการขั้นที่ 5-7) เรียกว่า "ความต้องการขั้นสูง" หรือความต้องการพัฒนา เป็น ความต้องการเนื่องมาจากการแสวงหา มิใช่เนื่องมาจากการขาดหรือการไม่มี
หากความต้องการขั้นต่ำได้รับการ ตอบสนองอย่างเพียงพอ
มนุษย์จะพัฒนาขึ้นมาถึงความต้องการในขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นความต้องการที่จะรู้จักตนเองตรง
ตามสภาพ
เป็นความต้องการของผู้ที่จะพัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นคนที่สามรรถใช้ความสามารถที่ตนเองมีอยู่ได้อย่าง
เต็มสมบูรณ์ จะเป็นผู้ที่คำนึงถึงตัวปัญหามากกว่าตัวบุคคล เป็นผู้ที่คำนึงถึงบุคคลอื่น
ทั้งนี้เพราะตนเองได้รับการ สอนงความต้องการขั้นต่ำอย่างเต็มที่แล้ว
ทั้งเป็นผู้ที่มองเห็นศักดิ์ศรีและคุณค่าในตนเอง ตลอดจนมีความนับถือใน
ตนเองซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ความดีที่ติดตัวมาแต่กำเนิดจะปรากฏออกมา
ตามแนวคิดของมาสโลว์ มนุษย์พร้อมที่จะใช้ ความสามารถที่มีอยู่ในตนเองทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างเต็มที่
2. ทฤษฎี client
centered ของโรเจอร์ (Carl Rogers: 1902-1987)
โรเจอร์นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เกิดที่เมือง Oak Park รัฐ Illinois ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ ปี
ค.ศ. 1902 ได้เสนอทฤษฎี client
centered ซึ่งเน้นความสำคัญของผู้ที่มีปัญหาที่มาปรึกษา ให้ความเป็นอิสระโดยพยายาม
แนะนำให้ผู้รับคำปรึกษาพยายามควบคุมพฤติกรรมของตนเองมากกว่าชี้ประเด็นของความผิดพลาด
เทคนิคที่โร เจอร์ใช้ในการให้คำปรึกษาคือ การสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น
ให้การยอมรับเด็ก และมีทัศนคติที่ดีต่อผู้มารับคำปรึกษา ซึ่งสามารถทำให้ผู้มารับคำปรึกษายอมรับตนเอง
และรู้จักตนเอง เมื่อมนุษย์ได้รับการพัฒนาคุณภาพได้ถึง ระดับหนึ่ง
ก็จะมีแนวโน้มที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น ต่อมาโร เจอร์ได้สรุปว่า ทฤษฎี client
centered สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการเรียนการสอน
โดยเน้นจัดการเรียนการ สอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
พัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพของตนเอง ครูผู้สอนจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชื่อ มี
ศรัทธาในความเป็นคนของผู้เรียน การที่มีความเชื่อและไว้วางใจในความสามารถของบุคคล
จะช่วยให้บุคคลนั้นๆ พัฒนาศักยภาพของตนเอง ดังนั้น
การจัดการเรียนการสอนควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกวิธีการที่จะเรียนเอง ให้
เกียรติผู้เรียนทั้งในแง่ความรู้สึกนึกคิด โรเจอร์ชี้ให้เห็นว่าการสอนโดยใช้
ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง จะคล้ายคลึงกับ ผู้มารับคำปรึกษาเป็นศูนย์กลาง
เพราะช่วยให้ผู้เรียนรู้จักช่วยตนเองในเรื่องการเรียน
โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจาก ครูผู้สอน เป็นต้น
3. ทฤษฎีการพัฒนาตนเอง
ของ คอมบ์ส (Arthur W. Combs ค.ศ.1912-1999)
คอมบ์สเป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เกิดเมื่อ ปี ค.ศ.1912 มีความเชื่อว่า "พฤติกรรมส่วนใหญ่ของบุคคล
เป็นผลมาจากการรับรู้สิ่งแวดล้อมในช่วงนั้นและเวลานั้น" ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับเรื่อง "life space" ของเลวิน จาก แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้สอนควรจะต้องพยายามเข้าใจสภาพการเรียนการสอน
โดยการทำความเข้าใจว่าผู้เรียนมองสิ่ง ต่างๆอย่างไร จากจุดนี้นำไปสู่ข้อสรุปว่า
ในการช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนนั้นจะต้องชักจูงให้ผู้เรียนปรับทั้งความเชื่อและ
การรับรู้ของผู้เรียนจนกระทั่งสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆต่างไปจากเดิม
และแสดงพฤติกรรมที่ต่างไปจากเดิม ความคิดของคอมบ์ส บางส่วนคล้ายกับบรูนเนอร์
ในกลุ่ม cognitive แต่จะเน้นในด้านการรับรู้ของผู้เรียนมากกว่า
การคิดและการให้เหตุผลดังเช่นคนอื่นๆ นอกจากนั้น คอมบ์ส มีความเชื่อว่า
การที่บุคคลรับรู้เกี่ยวกับตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งนำไปสู่หลักการสำคัญในการจัดการเรียนการสอน
คือการช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับ ตนเองในแง่บวก
ทั้งมาสโลว์และคอมบ์สต่างก็เน้นว่ามนุษย์นั้นมีลักษณะของการพึ่งตนเอง ทำอะไรด้วยตนเอง
แต่ มาสโลว์เน้นที่แรงจูงใจภายในเป็นตัวกระตุ้นให้มนุษย์แสดงพฤติกรรมตามลำดับขั้นของความต้องการ
ส่วนคอมบ์สอธิบายว่าการแสดงพฤติกรรมของบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อความเพียงพอ
ซึ่งหมายความว่าความต้องการพื้นฐานของ มนุษย์คือความเพียงพอนั้น
จะเป็นตัวกระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรม หากเป็นเช่นนั้นแสดงว่า ผู้เรียนต้องการ
ความเพียงพอเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกสถานการณ์
ดังนั้นบทบาทของผู้สอนจะต่างจากแนวความคิดของกลุ่ม พฤติกรรมนิยมกลุ่ม S-R ที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เรียนได้ด้วยการใช้การเสริมแรง
คอมบ์สได้ให้แนวคิดว่า งานของครูผู้สอนมิใช่เป็นเพียงการตั้งข้อกำหนด การปั้นเด็ก
การขู่บังคับ การเยินยอ หรือการช่วยเหลือเด็ก แต่งาน ของครูผู้สอนควรเป็นไปในลักษณะผู้อำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียน
กระตุ้น ให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ สามารถทำกิจกรรม เป็นผู้ร่วมคิด
และเป็นเพื่อนกับผู้เรียน" จากความเชื่อของคอมบ์สดังกล่าว
จึงเสนอลักษณะที่ดี ของผู้สอนไว้ดังนี้
1)เป็นผู้ที่มีความรู้
2)เป็นเพื่อร่วมงานกับผู้เรียน
3)มีความศรัทธาและเชื่อว่าผู้เรียนทุกคนมี
ความสามารถที่จะเรียนรู้ได้
4)เป็นผู้ที่มีความคิดในเชิงบวกกับตนเองซึ่งจะนำไปสู่ความรู้สึกนึกคิดในเชิงบวกกับผู้อื่น
5)มีความเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้เรียนทุกคนให้ทำดีที่สุดเท่าที่ตัวผู้เรียนจะทำได้
6)สามารถประยุกต์หลัก ทฤษฏีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
การประยุกต์ใช้
ครูผู้สอน
1. ครูควรเป็นคนใจกว้าง ไม่ยึดติดกับความคิด หรือความเชื่อของตนเอง
2. ครูควรรับฟังผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก
3. ให้ความสำคัญกับผู้เรียนเท่ากับความสำคัญของเนื้อหาที่นำมาสอน
4. ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะทั้งทางบวกและทางลบ
5. กระตุ้นให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง
6. จัดการเรียน กิจกรรม สื่อการเรียนการสอนให้หลากหลาย
7. กระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าใจว่าการประเมินผลที่มีคุณค่า
คือการประเมินตนเองของผู้เรียน
การประยุกต์ในการจัดการเรียนรู้
1. ควรจัดการเรียนตามสภาพจริง หรือสภาพที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล
2. ควรจัดการเรียนรู้โดยไม่ยึดติดกับเงื่อนไขหรือข้อจำกัดทางวัฒนธรรมของสังคม
3. ควรจัดการเรียนรู้ตามความต้องการหรือเสียงเรียกของผ้เรียน
4. ควรจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งมีค่า
5. ควรเป็นคนร่าเริงและสนุกสนานในทุกสถานกการณ์
6. ควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากลักษณะภายใน หรือความต้องการของตน
7. ควรใส่ว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของเรียนได้รับการสนองแล้วหรือยัง
8. ควรกระตุ้นให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของความงามและสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิต
9. ควรตระหนักว่าการควบคุมดูแลนักเรียนเป็นสิ่งที่ดี
แต่การปล่อยปะละเลยต่อผู้เรียนเป็นสิ่งที่ไม่ดีไมควรปฏิบัติ
เพราะการควบคุมดูแลผู้เรียนจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้เรียน
10. ควรฝึกให้ผู้เรียนมองข้ามปัญหาเล็กน้อย
แต่ควรฝึกให้จริงจังต่อการแก้ปัญหาที่จะนำมาซึ่งความไม่ยุติธรรม ความเจ็บปวด
และถึงแก่ชีวิต11. ควรทำตัวเป็นผู้เลือกที่ดีด้วยการฝึกสร้างทางเลือกอย่างหลากหลาย
แล้วนำทางเลือกไปใช้ในการดำ
รงชีวิต
ที่มา
สมชาย รัตนทอง(Online)http://ams.kku.ac.th/aalearn/resource/edoc/tech/56web/
3learnth56.pdf.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม.สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
3learnth56.pdf.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม.สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
Rattanawutdpu.(Online)http://rattanawutdpu.blogspot.com/2011/06/humanism.
html.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม.สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
html.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม.สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น